1.จงบอกเหตุผลในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานอุตสาหกรรม
การนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานอุตสาหกรรม
การใช้คอมพิวเตอร์ในการคานวณเพื่อประยุกต์ใช้ในงานด้านวิศวกรรมและช่วยงานด้านอุตสาหกรรมนั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงเนื่องมาจากความก้าวหน้าของการผลิตด้าน ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และทาให้คอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูงขึ้นและมีราคาถูกลงจึงได้มีการนาคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เป็นจานวนมากจึง เกิดการพัฒนาทางด้านฮาร์ทแวร์และซอฟต์แวร์เกิดเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์กราฟิคซึ่งเป็นการสร้างภาพในคอมพิวเตอร์ให้เห็นการทางานของเครื่องจักรเป็นรูปธรรมและใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างแบบเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบหรือที่เรียกว่า CAD (computer aided design) และต่อมาได้มีการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตหรือที่เรียกว่า CAM (computer aided manufacturing) ซึ่งใช้ร่วมกับCADโดยการใช้ข้อมูลร่วมกัน จึงเรียกรวมกันว่า CAD/CAM
ปี
พ.ศ
. 2500
คอมพิวเตอร์มี
อยู่
ใน
โลก
นี้
ไม่
มาก
นัก ส่วน
ใหญ่
จะ
เป็นเครื่องใน
ระบบเมนเฟรม ซึ่ง
มี
ขนาด
ใหญ่
และ
ราคา
แพง ส่วน
มาก
จะ
ใช้
งาน
ทางด้าน
วิทยา
ศาสตร์
เท่า
นั้น ซึ่ง
จะ
ไม่
เกี่ยว
ข้องกับชีวิต
ประจำ
วัน
มาก
นัก แต่
ใน
ปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์
ได้
มี
ขนาด
เล็ก
ลง และ
ราคา
ก็
ไม่
แพง
นัก คน
ทั่ว
ไป
สามารถ
ซื้อ
หา
มา
ใช้
ได้
เหมือนกับเครื่องใช้
ไฟ
ฟ้า
โดย
ทั่ว
ไป
ใน
หน่วย
งาน
ทั้ง
ภาค
รัฐบาล
และ
เอกชน ก็
มี
การ
นำ
คอมพิวเตอร์
มา
ใช้
ใน
หน่วย
งาน
ขึ้น และ
มี
แนวโน้มที่
จะ
มี
การ
ใช้
สูง
ขึ้น เหตุ
ผล
ที่
มี
การ
นำ
คอมพิวเตอร์
มา
ใช้
ใน
ชีวิต
ประจำ
วัน
เพิ่ม
มาก
ขึ้น คือ
1 . คอมพิวเตอร์
สามารถ
จัด
เก็บ
ข้อ
มูล
ได้
เป็น
จำนวน
มาก เช่น เก็บ
ข้อ
มูล
งาน
ทะเบียน
ราษฏฐ์ของ
กรม
การ
ปก
ครอง กระทรวง
มหาดไทย
ซึ่ง
สามารถ
ตรวจ
สอบ
ประ วัติ
ของ
บุคคล
ต่างๆได้ เป็น
ต้น
2 . คอมพิวเตอร์
สามารถ
ทำ
งาน
ได้
รวด
เร็ว งาน
บาง
อย่าง
คอมพิวเตอร์
จะ
ทำ
ได้
ใน
พริบ
ตา
ใน
ขณะ
ที่
ถ้า
ให้
คน
ทำ
อาจ
จะ
ต้อง
ใช้
เวลา
นา น
3 . คอมพิวเตอร์
สามารถ
ทำ
งาน
ได้
โดย
ไม่
ต้อง
หยุด
พัก คือ
ทำ
งาน
ได้
ตลอด
เวลา ใน
ขณะ
ที่
ยัง
ต้อง
มี
ไฟ
ฟ้า
อยู่
4 . คอมพิวเตอร์
สามารถ
ทำ
งาน
ได้
อย่าง
ถูก
ต้อง
และ
แม่น
ยำ ถ้า
มี
การ
กำหนด
โปรแกรม
ทำ
งาน
ที่
ถูก
ต้อง จะ
ไม่
มี
การ
ทำ
งาน
ผิด
พลาด
ขึ้น
มา
5 .คอมพิวเตอร์
สามารถ
ทำ
งาน
แบบ
คน
ได้
ใน
สภาพ
แวด
ล้อม
ที่
เป็น
อันตราย
ต่อ
สุข
ภาพ
ร่าง
กาย เช่น ที่
มี
ก๊าซ
พิษ กัมมันตภาพรังสี หรือ
ใน
งาน
ที่
มี
ความ
เสี่ยง
สูง
ใน
โรง
งาน
อุตสาหกรรม เป็น
ต้น
บทบาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
ต่างๆ เช่น
1 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
สถาน
ศึกษา
ปัจจุบัน
ตาม
สถาน
ศึกษา
ต่างๆ ได้
มี
การ
นำ
คอมพิวเตอร์
มา
ใช้
ใน
การ
เรียน
การ
สอน
อย่าง
มาก
มาย รวม
ทั้ง
ใช้
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
บริหาร
ของ
โรง
เรียน เช่น การจัด
ทำ
ประวัติ
นัก
เรียน ประวัติ
ครู
อาจารย์ การ
คัด
คะแนน
สอบ การ
จัด
ทำ
ตา
ราง
สอน ใช้
คอมพิวเตอร์ ใน
งาน
ห้อง
สมุด การ
จัด
ทำ
ตา
ราง
สอ น เป็น
ต้น
ตัว
อย่าง
ใน
การ
ประยุกต์
ด้าน
การ
ศึกษา เช่น โปรแกรม
ราย
งาน
การ
ลง
ทะเบียน
เรียน โปรแกรม
ตรวจ
ข้อ
สอบ เป็น
ต้น
2 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
วิศวกรรม
คอมพิวเตอร์
สามารถ
จะ
ทำ
งาน
ใน
ด้าน
วิศวกรรม
ได้
ตั้ง
แต่
ขั้น
ตอน
การ
ลอก
เขียน
แบบ จน
กระทั่ง
ถึง
การ
ออก
แบบ
โครง
สร้าง
ของ
สถาปัตยกรรม
ต่างๆ ต ลอด
จน ช่วย
คำนวณ
โครง
สร้าง ช่วย
ใน
การ
วาง
แผน และ
ควบ
คุม
การ
สร้าง
3 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
วิทยา
ศาสตร์
คอมพิวเตอร์
สามารถ
ทำ
งาน
ร่วมกับเครื่องมือ
ทางวิทยา
ศาสตร์
ต่างๆ เช่น เครื่องมือ
วิเคราะห์
สาร
เคมี เครื่องมือ
การ
ทด
ลอง
ต่างๆ แม้
กระทั่ง
การ
เดิน
ทางของ
ยาน
อวกาศ
ต่างๆ การ
ถ่าย
พื้น
ผิว
โลก
บน
ดาว
อังคาร เป็น
ต้น
4 . บท
บาท
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
ธุรกิจ
คอมพิวเตอร์
สามารถ
จัด
เก็บ
ข้อ
มูล
ได้
มาก
มาย มี
ความ
รวด
เร็ว และ
ถูก
ต้อง ทำ
ให้
สามารถ
ได้
ข้อ
มูล
ที่
ช่วย
ให้
สามารถ
ตัด
สิน
ใจ
ใน
การ
ดำ
เนิน
ธุรกิจ ตลอด
จน
งาน
ทางด้าน
เอก
สาร
งาน
พิมพ์
ต่างๆ เป็น
ต้น
5 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
ธนาคาร
ใน
แวด
วง
ธนาคาร
นับ
ได้
ว่า
คอมพิวเตอร์
ได้
เข้า
มา
มี
บท
บาท
มาก
ที่
สุด เพราะ
ธนาคาร
จะ
มี
การ
นำ
ข้อ
มูล < Transaction >
เป็นประ
จะ
ทุก
วัน การหา
อัตรา
ดอก
เบี้ย
ต่างๆ นอก
จาก
นี้
การ
ใช้
บริการ ATM
ซึ่งลูก
ค้า
สามารถ
ฝาก
ถอน
เงิน
ได้
จากเครื่องอัตโนมัติ
ซึ่งมำให้
สะดวก
แก่
ผู้
ใช้
บริการ
เป็น< wbr>
อย่างยิ่ง และ
เป็น
ที่
นิยม
แพร่
หลาย
ใน
ปัจจุบัน
6 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
ร้าน
ค้า
ปลีก
ปัจจุบันเห็น
ได้
ว่า ได้
มี
ธุรกิจ
ร้าน
ค้า
ปลีก
หรือ
ที่
เรียก
ว่า "
เฟรน
ไซน์
"
เป็นจำนวน
มาก ได้
มี
การ
นำ
คอมพิวเตอร์
เข้า
มา
ใช้
ใน
การ
ให้บริการ
ลูก
ค้า เช่น ให้
บริการ
ชำระ ค่า
น้ำ - ไฟ
ฟ้า ค่า
โทรศัพท์ เป็น
ต้น จะ
เห็น
ได้
ว่า
มี
การ online
ระหว่างร้าน
ค้า
เหล่า
นั้นกับหน่วย
งาน
นั้นๆ เพื่อ
สามารถ
ตัด
ยอด
บัญชี
ได้ เป็น
ต้น
7 . บท
บาท
คอมพิวเตอร์
ใน
วง
การ
แพทย์
คอมพิวเตอร์ได้
ถูก
นำ
มา
ใช้
ใน
การ
เก็บ
ประวัติ
ของ
คน
ไข้ ควบ
คุม
การ
รับ และ
จ่าย
ยา ตลอด
จน
ยัง
อยู่
ใน
อุปกรณ์เครื่องมือ
ทางการ
แพทย์ เช่น เครื่องมือ
ผ่า
ตัด บัน
ทึก
การ
เต้น
ของ
หัว
ใจ ตรวจ
คลื่น
สมอง และ
ด้าน
การ
หา
ตำแหน่ง
ของ
อวัยวะ
ก่อน
การ
ผ่า
ตัด เป็น
ต้น
8 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
การ
คมนาคม และ
การ
สื่อ
สาร
ยุค
ปัจจุบัน เรา
เรียก
ว่า
เป็น
ยุค
ที่
เป็น
การ
สื่อ
สาร
แบบ
ไร้
พรม
แดน จะ
เห็น
ได้
ว่า
มี
การ
สื่อ
สาร
ใน
รูป
แบบ
ต่าง ๆ ใน
เคร
ือข่าย
สาธาระณะที่
เรียก
ว่า เครือ
ข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่ง
สามารถ
ที่
จะ
สื่อ
สารกับทุก
คน
ได้
ทั่ว
มุม
โลก โดย
ผ่าน
เครือ
ข่าย
คอมพิวเตอร์
นี้ และ
ยัง
มี
โปรแกรม< wbr>
ที่สามารถ
จะ
ใช้
ใน
การ
พูด
คุย
กัน
ได้ ไม่
ว่า
จะ
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ด้วย
กัน
ใช้
คุย
กัน หรือ
จะ
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
สื่อ
สารกับเครื่องโทรศัพท์
ที่
บ
้านหรือ
ที่
ทำ
งาน หรือ
แม้
กระทั่ง
การ
ส่ง pager
ในปัจจุบัน
สามารถ
ส่ง
ทางเครือ
ข่าย
คอมพิวเตอร์
ไป
ยังเครื่องลูก
ได้ เป็น
ต้น
สำหรับ
การ
ใช้
คอมพิวเตอร์
ใน
ทางโทรคมนาคม
จะ
เห็น
ว่า
ปัจจุบัน
การ
จอง
ตั๋วเครื่องบิน
จะ
มี
กา
รนำ
เอา
คอมพิวเตอร์
มา
ใช้
เป็น
จำนวน
มาก รวม
ถึง
การ
จอง
ตั๋ว
ผ่าน
ทาง Internet
ด้วยตน
เอง เห็น
ได้
ว่า
เพิ่ม
ความ
สะดวก
สบาย
ให้
แก่
ผู้
ใช้
บริการ และ
นอก
จาก
นี้ ยัง
มี
เครือ
ข่าย
ของ
สาย
การ
บิน
ทั่ว
โลก ทำ
ให้
ผู้
ใช้
บริการ
สามารถ
เลือก
จอง
ได้
ตาม
สาย
การ
บิน
ต่างๆ เป็น
ต้น
9 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
งาน
ด้าน
อุตสาหกรรม
ใน
วง
การ
อุตสาหกรรม
นับ
ได้
ว่า
คอมพิวเตอร์
ได้
เข้า
มา
มี
บท
บาท
เป็น
อย่าง
มาก ตั้ง
แต่
การ
วาง
แผน
การ
ผลิต กำหนด
เวลา
การ
ผลิต จน
กระทั่ง
ถึง
การ
ผลิต
สิน
ค้า ควบ
คุม
ระบบ การ
ผลิต
ทั้ง
หมด
ใน
ราย
งาน
ทางอุตสาหกรรม
ได้
มี
การ
นำ
คอมพิวเตอร์
มา
ใช้
ใน
การ
ควบ
คุม
การ ทำ
งาน
ของเครื่องจักร เช่น การ
เจาะ ตัด ไส กลึง เป็น
ต้น ตลอด
จน
โรง
งาน
ผลิต
รถ
ยนต์ ก็
จะ
ใช้ หุ่น
ยนต์
คอมพิวเตอร์
ใน
การ
ทา
สี พ่น
สี รวม
ถึง
การ
ประ
กอ
บน
รถ
ยนต์ เป็น
ต้น
10 . บท
บาท
ของ
คอมพิวเตอร์
ใน
วง
ราช
การ
คอมพิวเตอร์
ถูก
นำ
มา
ใช้
ใน
งาน
ทะเบียน
ราษฏร์ ช่วย
ใน
การ
นับ
คะแนน
การ เลือก
ตั้ง และ
การ
ประกาศ
ผล
เลือก
ตั้ง การ
คิด
ภาษี
อากร การ
เก็บ
ข้อ
มูล สถิติ
สัมมโน
ประชา
กร การ
เก็บ
เงิน
ค่า
ไฟ
ฟ้า น้ำ
ประปา ค่า
ใช้
โทรศัพท์ เป็น
ต้น
2.จงอธิบายระบบ CIM
โดยงาน 3 ส่วนมีการทางานร่วมกันเรียกว่า CIM ย่อมาจากคาว่า computer integrated manufacturing เป็นการเชื่อมต่อระหว่างระบบที่ทาการผลิตแบบอัตโนมัติกับการจัดการสารสนเทศ
โดยระบบจะช่วยทาการผลิตแบบอัตโนมัติคือช่วยในการออกแบบและผลิตควบคุมเครื่องมือหรือเครื่องจักรจะเป็นการทางานด้วยคาสั่งจากคอมพิวเตอร์เช่นการควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมและการวางแผนการใช้วัตถุดิบในการผลิตโดยอัตโนมัติ การวางแผนงานจะสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายได้จะต้องมีการจัดข้อมูลที่ต้องใช้ทั้งหมดมารวมอยู่เพียงแห่งเดียวจากนั้นก็จัดการกระบวนการผลิตทั้งหมดโดยอัตโนมัติได้ทันที
ข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกนามาเก็บไว้ที่ศูนย์สารสนเทศเพื่อที่ให้ฝ่ายอื่น ๆ สามารถนาไปใช้งานและนาไปทดสอบหรือแก้ไขโดยฝ่ายอื่นได้ ตัวอย่างเช่นหากมีการสั่งทาสินค้ามาชนิดหนึ่งฝ่ายออกแบบก็จะออกแบบสินค้าตามความต้องการของลูกค้าฝ่ายวิศวกรก็จะนาข้อมูลจากการออกแบบนี้ไปทดสอบว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่หากทุกย่างเรียบร้อยฝ่ายจัดหาวัตถุดิบก็จะเตรียมวัสดุไว้เป็นปริมาณตามต้องการจากนั้นฝ่ายควบคุมการผลิตก็นำข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าซึ่งได้มีการออกแบบและทดสอบเรียบร้อยแล้วไปผลิตต่อไปและขณะที่ผลิตสินค้าแผนกอื่น ๆ ก็นาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้านี้ไปใช้งานด้วยจึงทาให้สามารถเตรียมการต่าง ๆ ได้ล่วงหน้าเช่นฝ่ายบรรจุหีบห่อซึ่งทราบขนาดและจานวนของสินค้าจากศูนย์สารสนเทศ ก็จะเตรียมหีบห่อไว้ ในขณะเดียวกันก็จะเตรียมออกใบเสร็จให้ลูกค้า การทางานของระบบ CIM
3.จงบอกประโยชน์ของของการใช้ CIM
เป็นทั้งกระบวนการผลิตและชื่อของระบบอัตโนมัตที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยมีหน้าที่สนับสนุนการทำงานและเป็นระบบการจัดการของระบบการผลิตที่ประกอบด้วยฝ่ายต่างๆ เช่น ฝ่ายงานวิศวกรรม ฝ่ายงานการผลิต ฝ่ายการตลาด และฝ่ายการสนับสนุนอื่นๆ ขอบข่ายหน้าที่การทำงานของ CIM มีหลากหลายอย่าง เช่น ออกแบบ วิเคราะห์ วางแผน จัดซื้อ จัดการบัญชีต้นทุน ควบคุมคงคลัง และการกระจายผลิตภัณฑ์ เหล่านี้จะถูกเชื่อมโยงโดยคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์ หรือหน่วยต่างๆ ภายในองค์กร CIM จะทำให้สามารถควบคุมกระบวนการได้โดยตรงและสามารถแสดงการทำงานปัจจุบันของทุกกระบวนการทำงาน
4. จงอธิบายการใช้ CADในงานอุตสาหกรรม
คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต (computer aided manufacturing or CAM) หมายถึงการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิตสินค้าในโรงานอุตสาหกรรม เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์จะมีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ในการทางานที่ซ้ากันตลอดจนสามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อผิดพลาดของผลิตภัณฑ์ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการซึ่งจะช่วยประหยัดระยะเวลาและแรงงานประการสาคัญช่วยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์มีความสม่าเสมอตามที่กาหนด (คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต, 2551)
CAM คือการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเขียนโปรแกรมเพื่อนาใช้ควบคุมเครื่องจักรกลซีเอ็นซี โดยใช้ข้อมูลทางรูปร่างจาก CAD ไปทาการกาหนดว่าจะใช้เครื่องจักรชนิดใดในการผลิต, ใช้อุปกรณ์ตัดเฉือนอะไรบ้าง,ใช้วัสดุทาชิ้นงานขนาดเท่าใด,วางตาแหน่งที่อ้างอิงอย่างไร,ใช้วิธีการตัดเฉือนและมีขั้นตอนทางานอย่างไร รวมไปถึงการใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองขั้นตอนการทางานและการตรวจสอบความถูกต้องในกระบวนการผลิต (คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต, 2551)
CAM เป็นคาย่อมาจากคาว่า computer aided manufacturing ซึ่งแปลตามศัพท์ได้ความว่า คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตซึ่งจะใช้ซอฟต์แวร์ เพื่อควบคุมเครื่องจักรให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตามที่ได้ออกแบบไว้แล้ว (คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต, 2551)
CAM คือคาย่อของ computer aided manufacturing แปลเป็นภาษาไทยว่าคอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตเป็นการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสร้างระบบรหัสจี (G-code) เพื่อควบคุมเครื่องจักรซีเอ็นซีในการกัดขึ้นรูปชิ้นส่วน โดยใช้ข้อมูลทางรูปร่างจาก CAD
สรุป คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตหมายถึง การนาคอมพิวเตอร์มาควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่เริ่ม และจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ เพื่อเป็นการลดแรงงานและงานที่ได้ตรงตามสเป็คและมีประสิทธิภาพสูงตรงกับความต้องการโดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. จงอธิบายการใช้ CAMในงานอุตสาหกรรม
CAM Positioner มีการใช้งานกันอย่างกว้างขวางในเครื่องจักรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานบรรจุภัณฑ์ หรืองานที่มีลักษณะหมุนเป็นวงรอบหรือวงกลม CAM Positioner จะประกอบด้วยเซนเซอร์ป้อนกลับและคอนโทรลเลอร์ทำหน้าที่วัดองศาและสั่งให้เอาท์พุททำงานตามตำแหน่งองศาที่ตั้งไว้ ซึ่งการใช้งานจะง่ายกว่าการใช้พีแอลซีเพราะไม่ต้องเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อน เพียงแค่ตั้งองศาการทำงานบนคอนโทรลเลอร์เท่านั้น ส่วนเซนเซอร์ป้อนกลับที่นิยมใช้งานจะมี 2 แบบด้วยกันคือ Encoder กับ Resolver อุปกรณ์ทั้งสองมีข้อดีละข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังจะอธิบายต่อไป
Resolver กับ Encoder มีข้อแตกต่างกันหลายอย่าง อุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม แต่มีหลายท่านไม่ทราบหลักการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวมากนัก จึงมีการเลือกใช้อย่างไม่เหมาะสม ในลำดับถัดไปเราจะกล่าวถึงหลักการทำงานและเปรียบเทียบข้อแตกต่าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้อุปกรณ์ทั้ง 2 ให้เหมาะสม
Resolver ทำงานอย่างไร ?
Resolver ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการทหารเป็นเวลามากกว่า 50 ปี มีการใช้งานและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันได้มีการนำ Resolver มาใช้งานกันอย่างกว้างขวางในวงการอุตสาหกรรม โดยใช้เป็นเซนเซอร์เพื่อตรวจจับตำแหน่ง นิยมใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ เป็นต้น
โครงสร้างของ Resolver
Resolver คือ หม้อแปลงไฟฟ้าแบบโรตารี่ (Rotary Transformer) ที่ทำหน้าที่ส่งผ่านพลังงานในรูปแบบของ SIN ไปยังเพลาหมุน (Rotor) Resolver จะมีขดลวด Primary เรียกว่าขดลวดอ้างอิง (Reference Winding) และขดลวด Secondary ซึ่งมี 2 ชุดเรียกว่าขดลวด SIN และขดลวด COS (ดังแสดงในรูป 2) ขดลวดอ้างอิงจะอยู่บน Rotor ของ Resolver ส่วนขดลวด SIN และขดลวด COS จะอยู่ที่ Stator โดยที่ขดลวด SIN และ COS จะถูกว่างในมุมที่ต่างกันทางกล 90 องศา
ในกรณีของ Resolver ที่ไม่มีแปลงถ่าน พลังงานไฟฟ้าจะถูกจ่ายเข้าที่ขดลวดอ้างอิง (Rotor) ผ่านทางหม้อแปลงไฟฟ้าโรตารี่ (Rotary Transformer) ทำให้ไม่ต้องใช้แปลงถ่านและ Slip ring
ปกติแล้วขดลวดอ้างอิงจะถูกกระตุ้นจากแรงดันไฟฟ้า AC เรียกว่าแรงดันอ้างอิง (Vr) ดังแสดงในรูปที่ 2 แรงดันเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวด SIN และ COS จะเท่ากับค่าของแรงดันอ้างอิงคูณกับค่า SIN (Vs = Vr * SIN
) หรือ COS (Vc = Vr * COS
) ของมุมที่เพลา เมื่อเปรียบเทียบกับจุดศูนย์ ดังนั้น Resolver จะทำให้ค่าแรงดันสองค่านี้ออกมา ซึ่งเป็นอัตราส่วนของค่าตำแหน่งของเพลา (SIN
/COS
= TAN
, ซึ่ง
= มุมของเพลา) เนื่องจากอัตราแรงดัน SIN และ COS คือ ค่าของมุมเพลาและเป็นค่าสมบูรณ์ ดังนั้นค่าที่ได้จะไม่มีรับผลกระทบจากอุณหภูมิแวดล้อมหรืออายุการใช้งาน ซึ่งเป็นข้อดีของ Resolver
6.อธิบายการใช้ CAD/CAMในงานอุตสาหกรรม
การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานอุตสาหกรรมนั้นจะเริ่มตั้งแต่การออกแบบการผลิต การตรวจเช็คสินค้า ฯลฯ โดยระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้มีตั้งแต่ระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เช่น เมนเฟรมและมินิคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานออกแบบวิเคราะห์แบบควบคุมการผลิต การควบคุมหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลาง จนถึงระดับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานี้ไมโครคอมพิวเตอร์ได้มีวิวัฒนาการขึ้นจนกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอีกทั้งราคาไม่แพง การประยุกต์ใช้งานก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไม่ว่าจะเป็นงานด้านธุรกิจหรือทางด้านการศึกษาและด้านวิศวกรรมอุตสาหกรรม
การประยุกต์ใช้ CAD/CAM ในงานอุตสาหกรรมสามารถที่จะประยุกต์ได้จากตัวอย่างการใช้งาน CAD/CAM ในแต่ละประเภทดังนี้
1. อุตสาหกรรมสิ่งทอสามารถประยุกต์ใช้ CAD/CAM ได้หลายลักษณะ เช่น
1.1 การใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบลายผ้าการ
1.2 การใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบสร้าง pattern
1.3 การใช้คอมพิวเตอร์วางแผนการใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพไม่ให้เศษผ้าเหลือมากไป
1.4 การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการตัดผ้าด้วย laser ซึ่งทาให้การตัดทาได้ครั้งละมาก ๆ และเกิดความถูกต้องสูงมีประสิทธิภาพ
2. อุตสาหกรรมพลาสติกการประยุกต์ใช้ CAD/CAM อาจทาได้หลายลักษณะ เช่น
2.1 การใช้CAD ช่วยในการออกแบบผลิตภันฑ์
2.2 การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการทดสอบ วิเคราะห์แบบ
2.4 การสร้างแบบจาลองของการฉีดพลาสติกเข้าในเบ้า เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณสมบัติตามความต้องการของผู้บริโภค
3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การประยุกต์ใช้งาน CAD/CAM ทาได้หลายลักษณะเช่น
3.1 การใช้ CAD ช่วยออกแบบวงจรแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์พร้อมทั้งทดสอบการทางาน
3.2 การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบวงจร PC board
3.3 การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการเจาะรูเพื่อใส่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
44
ประโยชน์ของการประยุกต์ใช้ CAD/CAM ในงานอุตสาหกรรม
1. ความคล่องตัวในการผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยีการออกแบบการควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทาให้สามารถดัดแปลงแก้ไขกระบวนการผลิต หรือลักษณะของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ความรวดเร็วในการตอบสนองความต้องการของตลาด หากตลาดมีความต้องการในสิ่งใหม่ ๆ ก็จะสามารถผลิตออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วเพราะขั้นตอนการทางานไม่ซ้าซ้อน
3. ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลหลายครั้ง ข้อมูลถูกเก็บไว้ที่เดียวฝ่ายใดต้องการใช้ก็สามารถทาได้โดยไม่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทาให้เกิดความรวดเร็วและมีมาตรฐาน
ข้อเสียของการประยุกต์ใช้ CAD/CAM ในงานอุตสาหกรรม
1. ราคาแพงแม้ว่าปัจจุบันราคาของไมโครคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจะลดลงมาก แต่หากเป็นโรงงานขนาดเล็กก็อาจจะยังไม่คุ้มกับการลงทุน
2. ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถเนื่องจากคอมพิวเตอร์ต้องการดูแล และการสั่งงานอย่างมีระบบ ดังนั้น จึงต้องมีการจ้างผู้มีความสามารถ หรืออาจอบรมให้พนักงานได้เข้าใจ